krungsri now
รายได้:
15,000 บาทขึ้นไป
krungsri now บริการบัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ต่อการช้อปผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์พร้อมเครดิตเงินคืนกว่า 5%
บัตรเครดิตที่สนองความต้องการในทุกไลฟ์สไตล์ทั้งการ ช้อป กิน เที่ยว หรือการใช้จ่ายผ่านบัตรก็สามารถสะสมคะแนนได้
วงเงินอนุมัติ:
สูงสุด 5 เท่าของรายได้
อัตราดอกเบี้ย:
18% ต่อปี
citi premier
รายได้:
30,000 บาทขึ้นไป
บัตรเครดิตที่เหนือระดับกับการใช้งานด้วยการสะสมคะแนนผ่านการช้อปที่ห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าออนไลน์ [ยุติบริการ]
บัตรเครดิต citi premier ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของการช้อปทั้งในประเทศและต่างประเทศก็สามารถสะสมคะแนนได้ [ยุติบริการ]
วงเงินอนุมัติ:
สูงสุด 5 เท่าของรายได้
อัตราดอกเบี้ย:
16% ต่อปี
world elite mastercard
รายได้:
ไม่กำหนด
มอบความเหนือทุกระดับกับการเดินทางด้วยการใช้บัตร world elite mastercard พร้อมสัมผัสประสบการณ์จากทั่วโลก
ท่องโลกกว้างเติมเต็มชีวิตผ่านไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์พร้อมมอบความบันเทิงและอรรถรสอันรื่นรมย์ด้วย Mastercard
วงเงินอนุมัติ:
ไม่กำหนด
อัตราดอกเบี้ย:
ไม่กำหนด
cardx beyond
รายได้:
70,000 บาทขึ้นไป
เอกสิทธิ์ที่เหนือระดับกับบัตรเครดิต cardx beyond พร้อมรับสิทธิประโยชน์จากโรงแรมหรือที่พักชั้นนำ
สมัครบัตรเครดิต cardx beyond ผ่านช่องทางออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในการใช้งาน
วงเงินอนุมัติ:
สูงสุด 5 เท่าของรายได้
อัตราดอกเบี้ย:
16% ต่อปี
ktc visa signature
เงินเดือน:
50,000 บาทขึ้นไป
หากใช้จ่ายบัตรเป็นสกุลเงินต่างประเทศ (ยกเว้นกลุ่มประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรปและจีน) จะได้รับคะแนน KTC FOREVER x2
ตัว ktc visa signature พร้อมมอบส่วนลดและสิทธิพิเศษครอบคลุมรอบด้านทั้งการกิน การช้อปปิ้ง การท่องเที่ยวและการออกกำลังกาย
วงเงิน:
5 เท่าของรายได้
ดอกเบี้ย:
16% ต่อปี
citi prestige
เงินเดือน:
50,000 บาทขึ้นไป
บัตรเครดิตที่ตอบโจทย์ในด้านของการสะสมคะแนนเพื่อแลกแต้มรับสิทธิพิเศษที่ครอบคลุม [ยุติบริการ]
สำหรับ citi prestige จะถูกโอนย้ายกลายเป็นผลิตภัณฑ์ของธนาคารยูโอบีนั่นคือ บัตร uob zenith [ยุติบริการ]
วงเงิน:
2-5 เท่าของรายได้
ดอกเบี้ย:
16% ต่อปี
ttb absolute
เงินเดือน:
75,000 บาทขึ้นไป
บัตร ttb absolute จะลดค่าธรรมเนียมการเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศให้เหลือแค่ 1% จากปกติอยู่ที่ 2.5%
สามารถนำบัตรไปแสดงสิทธิ์เข้าห้องรับรอง Airport Lounge ได้ฟรีผ่านสนามบินที่ร่วมกับบัตรสูงสุด 2 ครั้งต่อปี
วงเงิน:
2,000,000 บาท
ดอกเบี้ย:
16% ต่อปี
ttb reserve
เงินเดือน:
ขึ้นอยู่กับประเภทบัตร
เอกสิทธิ์เฉพาะกลุ่มสมาชิกบัตร ttb reserve ที่จะได้รับคะแนนสะสมพิเศษรายปี อ้างอิงจากผลิตภัณฑ์การเงินต่างๆ ที่ธนาคารกำหนด
ttb reserve พร้อมมอบส่วนลดประเภทต่างๆ ครอบคลุมทั้งร้านอาหาร การท่องเที่ยวรวมถึงการเข้าใช้บริการที่โรงพยาบาลชั้นนำ
วงเงิน:
2-5 เท่าของรายได้
ดอกเบี้ย:
7% ต่อปี
ttb so smart
เงินเดือน:
15,000 บาทขึ้นไป
เปิดบัตรตอนนี้พร้อมใช้งานให้ครบ 10,000 บาทจะได้รับกระเป๋าเดินทาง BSC Luxury Blue มูลค่า 3,990 บาทฟรี!
เจ้าของบัตร ttb so smart จะได้รับประกันคุ้มครองสำหรับการเดินทางผ่านวงเงินคุ้มครองสูงสุด 6,000,000 บาท!
วงเงิน:
1,000,000 บาท
ดอกเบี้ย:
16% ต่อปี
krungsri visa signature
เงินเดือน:
70,000 บาทขึ้นไป
ใช้งานผ่านร้านอาหาร ห้างชั้นนำหรือช้อปปิ้งออนไลน์ตามเงื่อนไขเพื่อรับแต้มกรุงศรีพ้อยท์สะสม 5 เท่า!
เปิดบัตรตอนนี้จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียม 4,280 บาทสำหรับปีแรก และจะยกเว้นให้อีกสำหรับปีถัดไปถ้าใช้งานบัตรครบ 300,000 บาท
วงเงิน:
2-5 เท่าของรายได้
ดอกเบี้ย:
16% ต่อปี

Text

Content


รวมทุกเรื่องของบัตรธนาคารที่ผู้ใช้งานทุกคนควรทราบ

รวมทุกเรื่องของบัตรธนาคารที่ผู้ใช้งานทุกคนควรทราบ

บัตรธนาคารเป็นสินค้าทางการเงินที่ทุกคนมีไว้ใช้อย่างน้อยคนละ 1 ใบ เพื่ออำนวยความสะดวก แทนเงินสด แลกส่วนลด หรือเอาไว้เพื่อเข้าถึงสิทธิพิเศษต่าง ๆ bank card ในปัจจุบันมีประเภทไหนให้ใช้งานบ้าง และมีรายละเอียดข้อมูลที่น่าสนใจอย่างไร เรามาเจาะลึกเพื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ในการวางแผนทางการเงินให้เหมาะกับรูปแบบการใช้งานของแต่ละคนให้มากที่สุดกันดีกว่า

บัตรคืธนาคารอะไร

สำหรับนิยามที่ชัดเจนของบัตรธนาคารคือ บัตรที่ทางธนาคารต่าง ๆ ได้ทำการออกให้กับผู้ใช้บริการ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถนำไปทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ ได้ตามที่กำหนด ทั้งในรูปแบบการหักเงินจากในบัญชี หรือการให้เครดิต ซึ่งทุกอย่างจะเป็นไปตามเงื่อนไขการสมัครบัตรเหล่านั้น ในปัจจุบันประเภทของบัตรธนาคารที่เห็นบ่อยที่สุดจะเป็น บัตรเอทีเอ็ม, บัตรเดบิต, บัตรเครดิต และบัตรกดเงินสด นั่นเอง

ข้อดีที่ได้และข้อเสียที่ต้องระวังของการเลือกใช้บัตรธนาคาร

เรามาดูภาพรวมของทั้งข้อดีและข้อเสียที่ได้จากการใช้งานบัตรธนาคารกันก่อนที่จะตัดสินใจว่าประเภทบัตรไหนจะช่วยตอบโจทย์คุณได้มากที่สุดกันดีกว่า

  • ข้อดีของการใช้บัตรธนาคาร

– ความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมตามที่ประเภทบัตรกำหนด เช่น ทำบัตรเดบิตทำให้คุณสามารถเบิกถอนเงินสดในบัญชีผ่านตู้ ATM หรือใช้เพื่อซื้อสินค้าและบริการได้ตามที่ต้องการ

– ความปลอดภัยในการใช้งาน เพราะบัตรทุกใบจะมาพร้อมระบบความปลอดภัยที่ออกแบบมาอย่างเหมาะสม ทั้งการยืนยันตัวตน การใส่รหัส เพื่อให้คุณใช้งานได้อย่างสบายใจมากขึ้น

– การได้สิทธิพิเศษจากการถือบัตร ไม่ว่าจะเป็นลด แลก แจก แถม เมื่อเป็นสินค้าและบริการที่ร่วมรายการกับบัตรธนาคารของคุณก็ทำให้คุณได้ความคุ้มค่าเพิ่มมากขึ้นอย่างง่ายดาย

  • ข้อเสียของการใช้บัตรธนาคาร

– ในปัจจุบันมีการโจรกรรมข้อมูลบัตรธนาคารผ่านทางออนไลน์ และใช้ความสะดวกสบายในการใช้จ่ายที่รวดเร็วเป็นช่องว่างในการหลอกลวง บางครั้งทางธนาคารก็ยังไม่สามารถป้องกันได้อย่างครอบคลุม ทำให้คุณต้องดูแลตัวเองเพิ่มมากขึ้น

– ปัญหาเกี่ยวกับการใช้บัตรธนาคาร บางครั้งคุณอาจลืมรหัส บัตรธนาคารหาย และต้องติดต่อเพื่อที่จะปกป้องให้ช่องทางธุรกรรมของคุณปลอดภัย

รูปแบบการใช้งานของบัตรธนาคาร

บัตรธนาคารนั้นออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่แตกต่างกันไป บัตรยอดนิยมที่ใช้กันในปัจจุบัน เหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง มาเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์และทำความรู้จักแต่ละรูปแบบให้ชัดเจนไปพร้อมกัน

  • บัตร ATM

บัตรใบนี้ใช้เพื่อเป็นบัตรกดเงินจากตู้ ATM ของธนาคารต่าง ๆ ส่วนใหญ่ถ้ากดตู้ของธนาคารที่เป็นผู้ออกบัตรจะไม่เสียค่าธรรมเนียม หรือถ้ากดในต่างพื้นที่จะเสียน้อยกว่ากดจากตู้ของธนาคารอื่น แต่ถ้าในกรณีฉุกเฉินก็ยังสามารถใช้เพื่อกดจากตู้ของธนาคารอื่นได้เช่นกัน

  • บัตร Debit

คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนิยมทำบัตรประเภทนี้มากที่สุด เพราะวิธีใช้งานนอกจากจะใช้กดเงินได้เหมือนบัตร ATM แล้ว ยังสามารถใช้เพื่อรูด แตะ จ่าย หรือซื้อของออนไลน์บางประเภทได้อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นบัตรธนาคารที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้คุณได้อีกขั้น

  • บัตร Credit

การใช้งานบัตรใบนี้ให้คุณสามารถใช้วงเงินล่วงหน้าได้ ดังนั้นจะไม่หักเงินจากบัญชีของคุณเมื่อใช้จ่าย และยังพัฒนาให้สามารถกดเงินสดได้ แต่มีค่าใช้จ่ายในการกดเงินสด เน้นใช้เพื่อรูด แตะ จ่าย ซื้อสินค้าและบริการทางออนไลน์ หากคุณชำระตรงกับวันที่กำหนดจะไม่เสียดอกเบี้ย แต่ถ้าจ่ายขั้นต่ำก็จะต้องเสียดอกเบี้ยเริ่มที่ 16% ต่อปี ดังนั้นควรวางแผนก่อนใช้จ่าย

บัตรธนาคารแบบไหนเหมาะกับผู้ใช้งานแบบใดบ้าง

เรามาดูกันว่าบัตรธนาคารแต่ละแบบนั้นเหมาะกับผู้ใช้งานแบบไหนบ้าง เพื่อให้คุณสามารถตามหาบัตรธนาคาร ซึ่งเป็นสินค้าทางการเงินที่เหมาะกับคุณมาใช้กันได้ง่ายมากขึ้น

  • บัตร ATM

บัตรธนาคารใบนี้ช่วยเพิ่มความสะดวกให้คุณเบิกถอนหรือฝากเงินเข้าบัญชีได้ง่ายขึ้น และเหมาะกับคนที่ต้องการจำกัดค่าใช้จ่าย เพราะไม่สามารถที่จะใช้บัตรใบนี้จ่ายค่าสินค้าและบริการได้ จะทำได้เพียงเบิกถอนเงินสดออกมาใช้เท่านั้น ถือว่าช่วยเพิ่มความยุ่งยากในการใช้เงิน ทำให้ใช้เงินน้อยลงได้

  • บัตร Debit

ถ้าคุณไม่มีปัญหาหรือไม่ได้ต้องการควบคุมการใช้เงินมากเป็นพิเศษ และต้องการความสะดวกสบายจากการใช้จ่าย แนะนำว่าให้คุณเลือกบัตรธนาคารประเภทนี้มาใช้ เพราะจะทำให้คุณใช้จ่ายพร้อมทั้งเบิกถอนได้อย่างง่ายดายแบบครบวงจร

  • บัตร Credit

หากคุณมีรายได้ที่มั่นคง สามารถสมัครบัตรเครดิตได้ การมีบัตรใบนี้เอาไว้และวางแผนการใช้อย่างเหมาะสม ช่วยเพิ่มความคุ้มค่า ช่วยให้ประหยัด และทำให้คุณวางแผนทางการเงินได้ง่ายขึ้น บัตรธนาคารใบนี้จึงเหมาะกับทุกคนที่สามารถใช้จ่ายได้อย่างเป็นระเบียบ ไม่ใช้เงินเกินรายได้ที่สามารถจ่ายไหว

บัตรธนาคารแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร

เรามาดูข้อแตกต่างที่ทำให้หลายคนยังคงสงสัยเกี่ยวกับบัตรธนาคารรูปแบบต่าง ๆ กันดีกว่า จะได้ตัดสินใจกันอย่างถูกต้องว่าสมัครบัตรแบบไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด

  • บัตรเดบิตบัตรเครดิตต่างกันอย่างไร

จุดที่แตกต่างกันหลัก ๆ ของบัตร 2 ประเภทนี้ คือ ลิมิตในการจ่าย การคิดดอกเบี้ย และเรื่องความน่าเชื่อถือทางการเงิน สำหรับลิมิตในการจ่ายนั้นเดบิตจะจ่ายได้เท่าที่เงินสดในบัญชีของคุณมีอยู่ ส่วนเครดิตจะใช้จ่ายได้ตามวงเงินที่คุณได้รับจากธนาคารส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 5 เท่าของรายได้ ต่อมาในส่วนของการคิดดอกเบี้ยเดบิตคุณจะได้ดอกเบี้ยจากเงินฝาก ส่วนเครดิตคุณจะเสียดอกเบี้ยหากจ่ายเงินไม่ตรงหรือไม่ครบตามกำหนด สุดท้ายแล้วเดบิตใครก็สมัครได้ แต่เครดิตต้องมาพร้อมรายรับที่มั่นคงและน่าเชื่อถือถึงจะสามารถสมัครและได้รับการอนุมัติ

  • บัตรเดบิตกับบัตรเอทีเอ็มต่างกันอย่างไร

บัตร 2 ประเภทนี้ใช้เงินจากบัญชีเงินฝากของคุณเหมือนกัน แต่บัตร ATM นั้นจะใช้เพื่อการฝากหรือถอนเงินจากตู้ ATM เท่านั้น แต่เดบิตจะสามารถใช้เพื่อจ่ายค่าสินค้าและบริการทั้งที่ร้านค้ารวมทั้งทางออนไลน์ได้อีกด้วย

บัตรธนาคารกับความคุ้มค่าต่าง ๆ ที่ไม่ควรพลาด

เมื่อคุณมีบัตรธนาคารอยู่ในมือสิ่งที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือการมองหาความคุ้มค่าเพิ่มเติมจากการถือบัตร ไม่ว่าจะเป็นสิทธิพิเศษ การลดแลกแจกแถม โดยตัวอย่างของความคุ้มค่าที่มักได้จากบัตรธนาคารมีดังนี้

  • ส่วนลด

เหล่าธนาคารมักมีร้านค้าที่ร่วมรายการหรือเป็นพันธมิตร เช่น ร้านอาหาร สายการบิน บริการสปา เป็นต้น ซึ่งจะกำหนดเอาไว้อย่างชัดเจนว่าผู้ถือบัตรธนาคารแบบไหนใช้ส่วนลดได้ ดังนั้นก่อนใช้จ่ายอย่าลืมตรวจสอบให้ดี

  • สิทธิพิเศษ

เรื่องนี้คนถือบัตรตามที่กำหนดเท่านั้นถึงจะได้รับ เช่น สิทธิพิเศษการเข้าพักผ่อนที่ห้องพักรับรองในสนามบินฟรี เป็นต้น

  • ความปลอดภัย

ส่วนใหญ่แล้วบัตรธนาคารนั้นจะมีตัวเลือกให้คุณสามารถทำประกันอุบัติเหตุ สุขภาพ การเดินทาง รวมทั้งประกันชีวิตได้ ดังนั้นผู้ถือบัตรจะมีความอุ่นใจในทุกการใช้ชีวิตมากขึ้น

  • โปรโมชั่น

การสะสมแต้ม การใช้บัตรเพื่อแลกซื้อ หรือความคุ้มค่าใด ๆ ที่เกิดร่วมกับการใช้บัตรธนาคารที่กำหนดเป็นอีกหนึ่งความคุ้มค่าที่ไม่ควรพลาด เช่น ซื้อสินค้าและบริการตามยอดที่กำหนดได้รับคะแนนเข้าบัตร Credit เพิ่ม 2 เท่า เป็นต้น

บัตรธนาคารแต่ละประเภทออกแบบมาเพื่อใช้งานแบบไหนบ้าง

ไม่ว่าจะเป็นบัตรธนาคารแบบไหนก็มักจะมีสัญลักษณ์ของบริษัทต่าง ๆ ที่ให้บริการทางด้านการเงินอยู่ แต่ละแห่งมีความแตกต่างกันอย่างไร เรารวมข้อมูลมาให้คุณเรียบร้อยแล้ว

  1. บัตรเครดิต Visa

Visa ถือว่ามาพร้อมเครือข่ายที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีร้านที่พร้อมให้คุณใช้บัตรจากบริษัทนี้กว่า 400 ล้านแห่งทั่วโลก แน่นอนว่าไปประเทศไหนก็มักจะยอมรับ Visa เป็นส่วนใหญ่ และยังมาพร้อมสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่าหลากหลายอีกด้วย

  1. บัตรเครดิต MasterCard

หนึ่งในเครือข่ายที่ใหญ่ไม่แพ้กัน มีร้านค้าที่พร้อมรับชำระกว่า 300 ล้านแห่งทั่วโลก และได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ซึ่งการใช้บัตรจากบริษัทนี้ก็มีความคุ้มค่ารอให้คุณได้ใช้เช่นเดียวกัน

  1. บัตรเครดิต JCB

บัตรที่เพิ่มความคุ้มค่าในการใช้จ่ายในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะญี่ปุ่น เพราะเป็นบัตรที่ดำเนินการจากธนาคารของญี่ปุ่นนั่นเอง ดังนั้นใครที่ชอบเดินทางไปประเทศนี้ถือบัตรจากบริษัทนี้รับรองว่าได้ความคุ้มค่ามากกว่าอย่างแน่นอน

  1. บัตรเครดิต UnionPay

บริษัทบริการทางด้านการเงินจากจีน ที่เหมาะกับการใช้จ่ายในเอเชียโดยเฉพาะประเทศจีน แต่อาจยังไม่รองรับเท่าโลกเท่ากับสองบริษัทแรก แต่ถ้าใครมีแผนการใช้จ่ายกับจีนอยู่บ่อย ๆ ถือบัตรบริษัทนี้ตอบโจทย์การใช้จ่ายมากที่สุด

คุณสมบัติของผู้ที่ต้องการใช้งานบัตรธนาคารต้องเป็นอย่างไร

สำหรับเกณฑ์ของการถือบัตรธนาคารแต่ละแบบนั้นแตกต่างกัน แต่ก็มีจุดร่วมเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้สมัครอยู่เช่นกัน ซึ่งถ้าคุณต้องการถือบัตรธนาคารในไทยจะต้องมาพร้อมคุณสมบัติเบื้องต้นดังนี้

  • สัญชาติไทย
  • สำหรับบัตร ATM หรือเดบิตสมัครได้ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป ส่วนบัตร Credit ส่วนใหญ่จะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
  • มีบัญชีธนาคารที่ต้องการเปิดบัตรธนาคาร
  • มีเอกสารยืนยันตัวตนและที่อยู่ที่ชัดเจน
  • ไม่ใช้บัตรธนาคารในทางที่ผิดกฎหมาย

หากคุณสนใจอยากถือบัตรธนาคารก็สามารถตามหาช่องทางสมัครที่ทางธนาคารกำหนดกันได้เลย ในปัจจุบันสามารถทำได้ทั้งที่สาขาและผ่านทางช่องทางออนไลน์ สะดวกแบบไหนก็เลือกได้ตามที่ต้องการ และอย่าลืมวางแผนการใช้งานให้คุ้มค่าเพิ่มเติมกันด้วย